วงเงินที่เราสามารถกู้ได้ สำหรับบ้านธรรมดาทั่วไป เราสามารถขอกู้ได้ถึง 85% ของราคาที่ทำการประเมิน และ ขอกู้ได้ไม่เกิน 85% ของราคาซื้อขาย แต่สำหรับในส่วนของอาคารพาณิชย์ เราจะสามารถกู้สูงสุดได้ไม่เกิน 75% ของราคาประเมิน และก็ไม่เกิน 75% ของราคาซื้อขาย สามารถกู้ได้โดยคิดจากรายได้ที่มี โดยคิดเป็นประมาณไม่เกิน 40 เท่าของเงินเดือนผู้กู้ 15 เท่าของรายได้อื่นๆ และสำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ ก็จะสามารถขอกู้ได้ไม่เกิน 40 เท่าของเงินเดือนโดยประมาณนี้ ระยะเวลาการกู้สูงสุด โดยส่วนใหญ่แล้ว จะมีระยะเวลาสัญญาการกู้ตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป และก็ไม่เกิน 30 ปี โดยมีข้อแม้ว่าอายุของผู้กู้บวกกับระยะเวลาทำสัญญากู้ จะต้องไม่เกิน 70 ปีนะ ถึงจะสามารถกู้ได้ ซึ่งในการคำนวณขอกู้เงินโดยคิดจากราคาประมาณทั้งบ้านหรือที่พักอยู่อาศัยกับอาคารพาณิชย์ ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่เพราะว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างตายตัว แต่สำหรับการขอกู้ที่คิดจากรายได้เป็นเกณฑ์นั้น ถึงแม้ว่าจะไม่เกิน 40 เท่าจากรายได้ที่เราได้ก็จริง แต่สำหรับใครที่ต้องการความแม่นยำ ต้องการความถูกต้องมากยิ่งขึ้น เราก็มีเทคนิคการคิดอย่างง่ายๆดังนี้

ปริมาณเงินเดือนที่สามารถชำระได้ต่อเดือน = เงินเดือนที่เราได้รับ x DSR

( ซึ่ง DSR คือ ภาระหนี้ทั้งหมดหารด้วยรายได้สุทธิ )

โดยในแต่ละธนาคารจะไม่เหมือนกัน ยิ่งถ้าหากว่าเงินเดือนของเราเยอะ ค่า DSR ก็จะถูกปรับขึ้นเพิ่มด้วยนะ แต่สามารถใช้การประมาณคร่าวๆได้ประมาณ 40%

วงเงินที่เราสามารถกู้ได้ =  (เงินที่สามารถชำระได้ต่อเดือน – ภาระผ่อนอื่นๆ)  x  150

เราสามารถยกตัวอย่างคร่าวๆได้ดังนี้ คิดที่เงินเดือน 30,000 และต้องส่งรถอีกเดือนละ 5,000 บาทต่อเดือน คำนวณเงินที่เราสามารถชำระได้ในแต่ละเดือนได้ 30,000 x 40% = 12,000 บาท สามารถกู้ได้ (12,000 – 5,000) x 150 = 1,050,000 บาท

และถ้าหากใครที่ขี้เกียจคิดคำนวณ อยากรู้เร็วว่ามี เงินเดือนเท่านี้ กู้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่ เราก็มีตารางเปรียบเทียบปริมาณเงินเดือนกับปริมาณเงินที่เราสามารถกู้ได้ โดยคิดที่ DSR 40% มีระยะเวลาสัญญา 30 ปี และไม่มีภาระทางการเงินอื่นๆเลยดังนี้ วงเงินกู้ในส่วนนี้ที่คำนวณจากรายได้หรือรายรับของเรา เรายังมีเทคนิคในการเพิ่มวงเงินในส่วนนี้อีกดังนี้
  • หารายได้เสริม การหารายได้เสริมหรือหาอาชีพเสริม ก็นับว่าเป็นเงินที่ได้รับเหมือนกัน โดยจะสามารถเพิ่มวงเงินการกู้ให้เราได้ไม่น้อยเลยล่ะ โดยต้องมีการระบุที่มาของรายได้ด้วยนะและถ้าจะให้ดี จะต้องมีการเสียภาษีเพิ่มเข้ามาด้วย ถึงจะทำให้ดูน่าเชื่อถือที่สุด
  • ค่าสวัสดิการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าโทรศัพท์ ค่าโรงแรมที่พัก ค่าเดินทาง และอื่นๆอีกมากมาย ที่ทางบริษัทจัดไว้ให้สำหรับพนักงาน ซึ่งเงินในส่วนนี้เราสามารถคิดรวมกับเงินเดือนของเราได้เลย ฉะนั้นแล้วใครที่มีสวัสดิการเยอะๆ ก็ไม่ควรมองข้ามในส่วนนี้ไป
  • ค่าคอมมิชชั่น สำหรับอาชีพที่มีค่าคอมมิชชั่นอย่างเช่นเหล่าพนักงานขาย ซึ่งอาชีพเหล่านี้มักจะมีฐานเงินเดือนที่น้อย แต่ว่าจะมีค่าคอมมิชชั่นที่สูง ก็สามารถนำไปรวมเข้ากับเงินเดือนเพื่อเพิ่มวงเงินในการกู้ได้ โดยคำนวณจากค่าคอมมิชชั่นในหนึ่งปีที่ได้รับ แล้วก็มาเฉลี่ยว่าในหนึ่งเดือนว่าเราจะมีค่าคอมมิชชั่นเท่าไหร่ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเพิ่มวงเงินในการกู้แล้ว

ขอบคุณที่มา
moneyhub